Friday, May 16, 2008

ก​.​พลังงาน​ ​มั่นใจ​ ​ปริมาณก๊าซเอ็นจีวี​ใน​รถยนต์​จะ​มี​เพียงพอ​ใช้​แน่นอน​ใน​ 1 – 2 ​เดือนข้างหน้า

ก​.​พลังงาน​ ​มั่นใจ​ ​ปริมาณก๊าซเอ็นจีวี​ใน​รถยนต์​จะ​มี​เพียงพอ​ใช้​แน่นอน​ใน​ 1 – 2 ​เดือนข้างหน้า
กระทรวงพลังงาน​ ​มั่นใจ​ ​ปริมาณก๊าซเอ็นจีวี​ใน​รถยนต์​จะ​มี​เพียงพอ​ใช้​แน่นอน​ใน​ 1 – 2 ​เดือนข้างหน้า​ ​พร้อม​ทั้ง​เร่งขยายปั้มเอ็นจีวี​เป็น​ 355 ​แห่ง​ ​และ​เพิ่มปริมาณก๊าซ​ใน​รถยนต์​เป็น​ 3,500 ​ตันต่อวันปลายปี​

​นายณอคุณ​ ​สิทธิพงศ์​ ​รองปลัดกระทรวงพลังงาน​ ​กล่าวว่า​ ​กระทรวงพลังงาน​ ​ได้​ตั้งคณะกรรมการติดตามการดำ​เนินการขยายการ​ให้​บริการ​และ​ส่งเสริมการ​ใช้​ก๊าซธรรมชาติ​ใน​รถยนต์ขึ้นแก้ปัญหา​เอ็นจีวี​ไม่​เพียงพอ​ ​โดย​สิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา​ ​มี​ผู้​มาติดตั้งเอ็นจีวี​ใน​รถยนต์​แล้ว​ 72,950 ​คัน​ ​เป็น​รถเบนซิน​ 60,230 ​คัน​ ​และ​รถดี​เซล​ 9,900 ​คัน​ ​และ​คาดว่าสิ้นปี​จะ​เพิ่ม​เป็น​ 120,000 ​คัน​ ​ที่​ใช้​ก๊าซ​ถึง​ 100 ​ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน​ ​ทำ​ให้​จำ​เป็น​ต้อง​เพิ่มสถานีบริการ​จาก​ 177 ​แห่ง​เป็น​ 234 ​แห่ง​ใน​เดือนมิถุนายน​ ​และ​อีก​ 355 ​แห่ง​ใน​ปลายปีนี้ครอบคลุม​ทั่ว​ประ​เทศเพื่อ​ให้​เพียงพอ​กับ​ความ​ต้อง​การที่ปัจจุบัน​ใช้​เอ็นจีวีประมาณ​ 58 ​ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน​ ​ประหยัดน้ำ​มัน​ได้​ 18,000 ​ล้านบาทต่อปี​ ​ทั้ง​นี้​ ​จะ​เพิ่มปริมาณก๊าซ​ให้​รถยนต์​จาก​ 1,000 ​ตันต่อวัน​ ​เป็น​ 3,500 ​ตันต่อวันปลายปีนี้​ด้วย​ ​แก้ปัญหาสถานีบริการเอ็นจีวี​ไม่​เพียงพอ​ ​ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่นำ​มา​ใช้​ใน​รถยนต์​ ​และ​การ​ใช้​ระยะ​เวลานาน​ใน​การเติมเอ็นจีวี​ใน​แต่ละครั้ง​ ​ซึ่ง​คาดว่า​เดือนมิถุนายนนี้​จะ​สามารถ​เพิ่มการ​ให้​บริการ​ได้​มากขึ้น​

​รองปลัดกระทรวงพลังงาน​ ​กล่าวว่า​ ​จะ​เร่งเพิ่มสถานีจ่ายก๊าซสถานี​แม่อีก​ 3 ​แห่ง​ ​คือ​ ​นิมิตร​ใหม่​ , ​รังสิต​ , ​ลาดหลุมแก้ว​ ​รองรับการผลิต​ได้​ถึง​ 750 ​ตันต่อวัน​ ​พร้อมหาสถานี​แม่​ใหม่​อีก​ 5 ​แห่ง​ ​คือ​ ​ลำ​ลูกกา​ , ​เทพารักษ์​ , ​สวนพฤกษ์​ , ​ประชาอุทิศ​ , ​นิมิตร​ใหม่​ 2 ​ที่รองรับ​ได้​ 1,275 ​ตันต่อวัน​ , ​เพิ่มรถขนส่งก๊าซ​จาก​ 389 ​คัน​ ​เป็น​ 900 ​คัน​ ​และ​เพิ่มสถานีบริการรถ​ใหญ่​จาก​ 11 ​แห่ง​ ​เป็น​ 58 ​แห่งสิ้นปีนี้​ ​ที่สำ​คัญ​จะ​เพิ่มการผลิตก๊าซ​ใน​สถานีลาดหลุมแก้วอีก​ 180 ​ตันต่อวัน​ ​ที่รองรับรถยนต์​ได้​ถึง​ 5,000 ​คัน​ ​จึง​ขอ​ให้​ประชาชนมั่นใจ​ได้​ว่า​จะ​มีปริมาณเอ็นจีวี​เพียง​ใช้​กับ​ความ​ต้อง​การที่​เพิ่มสูงขึ้น​

No comments: