Friday, July 11, 2008

น้ำมันแพงป่วนถังเอ็นจีวีขาดตลาดทั่วโลก ไทยลุ้นผุดโรงผลิตบิ๊กบึ้ม

น้ำมันแพงป่วนถังเอ็นจีวีขาดตลาดทั่วโลก ไทยลุ้นผุดโรงผลิตบิ๊กบึ้ม [23 มิ.ย. 51 - 03:43]

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  กระทรวงพลังงานได้เชิญนักลงทุนจากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นผู้ผลิตถังเอ็นจีวีและระบบติดตั้งรายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก  มาลงทุนตั้งโรงงานในประเทศไทย  เพื่อแก้ปัญหาถังเอ็นจีวีราคาแพง  และไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากปัจจุบันหลายๆประเทศมีนโยบายลดการใช้น้ำมัน  จึงสั่งซื้อถังเอ็นจีวีที่มีคุณภาพจากอิตาลีจนโรงงานผลิตไม่ทัน ที่สำคัญทำให้ราคายังปรับเพิ่มสูงกว่าปีก่อนจากถังละ 8,000 บาท มาเป็น 16,000 บาท เมื่อรวมกับอุปกรณ์และระบบติดตั้งมีราคา 50,000-60,000 บาท เบื้องต้นหากมีโรงงานผลิตในไทย เชื่อว่าราคาการติดตั้งเอ็นจีวีในรถยนต์ลดลง 30% หรือลดลง 15,000-18,000 บาทต่อคัน เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าอิตาลี

 

ทั้ง นี้ กระทรวงพลังงานยอมรับว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ถังเอ็นจีวีเข้ามาบริการ ให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน เพราะทั่วโลกต่างแย่งกันซื้อ ที่สำคัญแม้จะมีเงินมากก็ไม่สามารถสั่งซื้อได้ทันที แต่ต้องรอคิวรวมถึงรอผู้ผลิต ซึ่งมีไม่กี่ประเทศก็จะจัดสรรถังนำเข้า เบื้องต้นช่วงที่ราคาน้ำมันต่ำกว่าลิตรละ 30 บาท ตัวถังเอ็นจีวีราคาไม่ถึง 10,000 บาท เพราะผู้ใช้รถยนต์ยังสนใจน้อย แต่เมื่อน้ำมันอยู่ที่ 40 บาท ทุกประเทศก็แห่กันซื้อ

 

สำหรับ โรงงานผลิตถังเอ็นจีวีในอิตาลี ได้ทำการสำรวจตลาดความ ต้องการถังเอ็นจีวีของไทย พบว่ามีความสนใจน่าลงทุนเช่นกัน เพราะความต้องการในตลาดสูง   ที่สำคัญรัฐบาลมีนโยบาย สนับสนุนประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนอย่างอื่น โดยเฉพาะเอ็นจีวีกันมากขึ้น เพื่อลดภาระการนำเข้าน้ำมันที่ปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง   เบื้อง ต้นแม้ความต้องการของตลาดยังสูง แต่ต่างชาติกำลังศึกษาผลกระทบด้านอื่นที่มีผลต่อธุรกิจ เช่น สภาวะเศรษฐกิจไทย อัตราเงินเฟ้อ และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งหากมีการลงทุนจริงคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1,000 ล้านบาท

 

ขณะ ที่ผู้ผลิตถังเอ็นจีวีที่ทางการไทยให้ ความสนใจที่จะให้เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตในไทยนั้นมีอยู่หลายชาติ เช่น อิตาลี เกาหลี อาร์เจนตินา และจีน แต่ที่เหมาะสมที่สุดคือ อิตาลีที่ได้มาตรฐานในการผลิตสูงสุดในขณะนี้ โดยล่าสุด  ผู้ บริหารกระทรวงพลังงานได้ไปดูงานในทุกประเทศข้างต้นและมีความเห็นว่าโรงงาน อิตาลีผลิตถังมาตรฐานเป็นที่ยอมรับมากสุดในโลก รวมถึงมีรถยนต์ในประเทศกว่า 50% ได้เปลี่ยนเป็นเอ็นจีวีหมดแล้ว

 

ด้าน นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า การส่งเสริมใช้เอ็นจีวียังมีปัญหาหลายอย่าง เช่น ราคาติดตั้งแพง รวมถึงต้องรอคิวในการเติมเอ็นจีวีนานมาก จนทำให้ผู้ใช้รถยนต์ ส่วนหนึ่งหันมาติดตั้งแอลพีจี (ก๊าชหุงต้ม) เพราะค่าติดตั้งต่ำกว่าเอ็นจีวีมาก และเติมสะดวกกว่าด้วย ส่งผลให้ให้อู่รถยนต์หลายแห่งติดตั้งเครื่องยนต์แอลพีจีไม่ทัน จนทำให้เดือน มิ.ย.นี้ไทยมีแผนที่นำเข้าแอลพีจีอีก 40,000 ตัน มูลค่า 36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

No comments: